“จุดกางเต็นท์” ที่น่าท่องเที่ยวในสไตล์แบบธรรมชาติล้วนๆ

การท่องเที่ยวในสไตล์แบบธรรมชาติอย่างการไปที่ จุดกางเต็นท์ ในป่าก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวในสไตล์ใหม่ที่จะทำให้เราสัมผัสบรรยากาศใน แบบธรรมชาติ แถมประเทศไทยก็ยังมีจุด กางเต็นท์ สวย ๆ บรรยากาศดี ๆ อีกมากมายและหลากหลายสถานที่ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในแบบผจญภัย ด้วยการ กางเต็นท์ ในป่า ว่าแต่จะมีที่ไหนเด็ด ๆ และน่าไปบ้างเรามาชมไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ 

จุดกางเต็นท์

แนะนำ “จุดกางเต็นท์” บรรยากาศดีๆ

1.แก่งกระจาน เป็น ที่เที่ยวทะเล จุดที่สายกางเต็นท์มือใหม่นิยมไปมากที่สุด เพราะมีพื้นที่บริเวณที่กลางขวางและมีจุดชมวิวที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ “น้ำตก” สวยๆ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศชิลๆ เหมาะกับการพักผ่อน แถมที่แก่งกระจานยังถือว่าเป็นจุดกางเต็นท์ที่มีบรรยากาศดี ที่เหมาะสำหรับการพาครอบครัวไปพักผ่อนอีกด้วย อีกทั้งที่แก่งกระจานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้เราได้เล่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการล่องแพ การทำกิจกรรมเล่นสไลด์เดอร์ พายเรือคายัก ปีนผาจำลอง และ ขับ ATV เป็นต้น เรียกได้ว่าถ้าใครได้มาเที่ยวที่แก่งกระจานคงจะได้ทำกิจกรรมที่นอกเหนือจากกางเต็นท์ในป่า อีกทั้งแต่ล่ะกิจกรรมก็มีความสนุกและน่าตื่นเต้นในแบบที่แตกต่างกันออกไป

2.ชุมสาย TOT เขาค้อ ถือว่าเป็นจุด กางเต็นท์ ที่มีความสะอาดสะอ้าน มีบรรยากาศที่ดี และอยู่ใกล้แหล่งชุมชนและร้านขายของที่จะเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว แถมที่นี้ยังมีมุมสวย ๆ ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

จุดกางเต็นท์

3.ลานกางเต็นท์ม่อนสน ดอยอ่างขาง ถือว่าเป็นจุด กางเต็นท์ ที่มีความสวยงาม และตั้งอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก โดยบริเวณจุดนี้นักท่องเที่ยวจะได้มาสัมผัสอากาศ แบบธรรมชาติ กับวิวสวย ๆ ที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนและเป็นวิวที่หาชมได้ยาก แต่ถ้าใครจะมาเที่ยวที่นี้ให้มาช่วงฤดูหนาวหรือฤดูฝนเพราะจะทำให้เราได้มาสัมผัสกับทะเลหมอกที่ลอยขึ้นมาจากฟ้า ซึ่งเป็นภาพที่ใครได้มาเห็นแล้วจะรู้สึกประทับใจมาก ๆ อีกด้วย

หน้าหนาวนี้ถ้าใครไม่รู้จะไปเที่ยวไหนลองชวนคนในครอบครัวมาเที่ยวแบบกางเต็นท์ในป่ากันดูสักครั้ง เพราะนอกจาก ufabet777 จะได้มาสัมผัสอากาศ แบบธรรมชาติ แล้วยังเป็นสานสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวอีกด้วย 

“ประจวบคีรีขันธ์” กับ 5 ที่เที่ยวมหัศจรรย์ที่ต้องไปให้เห็นกับตา!

ประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีกจังหวัดที่มีสถานที่ให้ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งวัดวาอารามเก่าแก่ อุทยานแห่งชาติ ศูนย์การเรียนรู้ และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งทั้งนั้น วันนี้เราจึงคัด 5 สถานที่เที่ยวสวยงามจนเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แห่งประจวบคีรีขันธ์มาให้เพื่อน ๆ ตามไปชมกัน หากอยากรู้แล้ว ตามมาดูกันเลย

ที่เที่ยว ประจวบคีรีขันธ์

แนะนำที่เที่ยวใน “ประจวบคีรีขันธ์”

สถานีรถไฟหัวหิน – พลับพลามหามงกุฎ

เชื่อว่ามีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักหัวหิน ที่เที่ยวทะเล ทะเลยอดฮิตของคนภาคกลางและรอบข้างเนื่องจากมาง่าย ทะเลสวยงาม มีที่เที่ยวหลากหลาย อีกทั้งที่พักติดทะเลยังราคาจับต้องได้สบายกระเป๋า สายเขียวต้องชอบ…กับ 4 “ไร่ชา” สุดฟินที่ต้องลองไปสักครั้ง และสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็น Landmark ที่หากได้มาหัวหิน ณ ประจวบคีรีขันธ์ จำเป็นจะต้องมาเยือนเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกให้ได้ ก็คือสถานีรถไฟหัวหิน เพราะเป็นสถานีรถไฟที่มีเอกลักษณ์เป็นพลับพลามงกุฎฯ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 6 เป็นที่ประทับขึ้นลงครั้งเสด็จประพาสหัวหินโดยรถไฟ 

ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศ ป่าชายเลนสิรินาถชินี อ.ปราณบุรี

ปราณบุรี เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คนมาเยี่ยมเยือนประจวบคีรีขันธ์มักนึกถึง โดยเฉพาะศูนย์การเรียนรู้ฯ ป่าชายเลนสิรินาถชินีแห่งนี้ เพราะเป็นป่าชายเลนนากุ้งร้างแห่งแรกของไทย บนพื้นที่กว่า 780 ไร่ โดยมีสะพานทอดยาวให้เดินชมพืชพันธุ์ และเสพความร่มรื่นจากหมู่ไม้หลายชนิด อีกทั้งในบางจุดหากลองเงี่ยหูฟังจะได้ยินเสียงเจ้าปูตัวน้อยร่วมบรรเลงเพลงธรรมชาติให้เราฟังอีกด้วย

ที่เที่ยว ประจวบคีรีขันธ์

พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ อ.สามร้อยยอด

อีกหนึ่ง Landmark ของประจวบคีรีขันธ์ที่น้อยคนนักจะมา แต่หากใครได้มาก็ต้องตกตะลึงถึงความวิจิตรของพระที่นั่งแห่งนี้กันแทบทุกคน พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับในคราวเสด็จประพาสต้น ความงดงามของพระที่นั่งแห่งนี้จะงามถึงขีดสุด เมื่อพระอาทิตย์สาดสอดส่องตกกระทบกับพระที่นั่งผ่านช่องเขา เรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง

อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี

หากเพื่อน ๆ ท่านไหนเป็นสายส่องสัตว์ และรักความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เป็นจุดหมายที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาเยือนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะอุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดทั้งกระทิง ช้างป่า หมาใน และวัวแดง จนถูกขนานนามว่าเป็นซาฟารีเมืองไทยเลยทีเดียว

พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ อ.บางสะพาน

วัดทางสาย หรือวัดเขาธงชัย เป็นที่ประดิษฐานของพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการไล่ระดับเจดีย์ 5 ชั้น และเจดีย์สีทองอร่ามอีก 9 ยอด โดยวัดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 9 จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ufa9999 เจดีย์ถึงมี 9 ยอด และตัววัดทั้งสามารถชมทิวทัศน์ชายฝั่งทะเลได้อย่างสวยงาม หากใครเป็นสายเข้าวัดทำบุญรับรองว่าจะต้องเสียดายอย่างแน่นอนหากไม่เคยมาทำบุญที่วัดแห่งนี้

“ที่เที่ยวหน้าหนาว” 4 สถานที่ที่ควรพาคนรักไปกอดรับไออุ่น

อย่างที่ทราบกันดีว่าบ้านเราเป็นเมืองร้อน ร้อนมาก ถึงร้อนที่สุด !! แทบทุกช่วงเวลาของปี นั่นทำให้เมื่อลมหนาวพัดมาบรรดาคู่รักจึงอยากจะจูงมือกันไปเที่ยวเพื่อรับไอหนาว จะได้กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นกว่าที่เคย และในหน้าหนาวนี้ธรรมชาติหลายพื้นที่ในประเทศไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ อีสานตอนบน หรือผืนป่าฝั่งตะวันตกก็ได้เตรียมพร้อมรอให้ทุกคนไปชมความงาม วันนี้เราจึงได้รวบรวม 4 ที่เที่ยวหน้าหนาว ที่คู่รักไม่ควรพลาดไปเยือนมาฝากกัน

แนะนำ 4 “ที่เที่ยวหน้าหนาว” ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

ดอยแม่สลอง ที่เที่ยวหน้าหนาว

ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย

ดินแดนแห่งไร่ชา ที่เที่ยวทะเล ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จัก อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของชาและวัฒนธรรมชาวจีนที่ซึมลึกไปในทุกอณู ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย หรืออาหารการกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารการกินที่ขึ้นชื่อ ที่เรียกได้ว่า ชาวกรุงเทพมีเฮ! 4 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ไปมาง่าย พักผ่อนสบาย หากไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึงดอยแม่สลองคือ ขาหมูยูนาน ที่เสิร์ฟคู่กับหมั่นโถร้อน ๆ คิดดูสิว่าจะมีอะไรฟินไปกว่าการได้กินขาหมูรสเลิศ คู่กับหมั่นโถวรสนิ่มนวลในหน้าหนาวแบบนี้ 

ดอยเสมอดาว ที่เที่ยวหน้าหนาว

ดอยเสมอดาว จ.น่าน

เมื่อพูดถึงสถานที่กลางเต็นท์ยอดฮิตของ จ.น่าน หลายคนจะต้องปิ๊งชื่อดอยเสมอดาวขึ้นมาอย่างแน่นอน เนื่องจากดอยเสมอดาวมีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา จึงเหมาะสำหรับการมานอนดูดาวนับพัน เพื่อพักผ่อนจิตใจที่เหนื่อยล้า พร้อมกับได้ชมทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตาในยามเช้า แม้เป็นหน้าหนาวแต่อากาศบนดอนเสมอดาวในยามบ่ายจะค่อนข้างร้อน แต่เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำ สายลมเย็น ๆ กับอากาศหนาว ๆ จะเข้ามาแทนที่ จึงไม่ควรพลาดชวนคนคู่กายไปกอดรัดเพิ่มอุ่นไอให้แก่กันและกันอย่างยิ่ง

ลานหินปุ่ม

ลานหินปุ่ม จ.พิษณุโลก

หากคู่รักไหนชื่นชอบประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดลานหินปุ่ม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าด้วยประการทั้งปวง เพราะมีทั้งพิพิธภัณฑ์การสู้รบ โรงพยาบาลรัฐ โรงเรียนการเมืองการทหาร ลานอเนกประสงค์ และสำนักอำนาจรัฐ ให้เดินดู แต่แน่นอนว่าไฮไลท์คือจุดชมวิวลานหินปุ่ม ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นลานกว้างมีหินปุ่มขนาดไล่เลี่ยเป็นจำนวนมาก แต่ต้องขอแนะนำว่าให้ใส่เสื้อผ้าที่หนาสักนิดนึงเพราะลมพัดค่อนข้างแรงทีเดียวในหน้าหนาว

ภูกระดึง ที่เที่ยวหน้าหนาว

ภูกระดึง จ.เลย

เมื่อพูดถึงหน้าหนาวก็ต้องเดินป่า เมื่อพูดถึงเดินป่าชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงจะต้องมีภูกระดึงอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งไฮไลท์เด็ดในหน้าหนาวคือการเดินป่าเพื่อชมความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ไม้ โดยเฉพาะ sharkslot ใบเมเปิ้ลสีแดงสด และการเดินไปชมพระอาทิตย์ในยามเช้าที่ผานกแอ่น และชมพระอาทิตย์ตกที่หมากดูก ภูกระดึงจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คู่รักจำนวนมากต้องมา เพราะสะดวกสบายครบครัน และเป็นการวัดใจว่าในยามเหนื่อยเราจะจับมือผ่านอุปสรรคเล็ก ๆ เพื่อไปดื่มด่ำกับธรรมชาติข้างบนนั้นได้หรือไม่

เที่ยวอย่างรู้จริงกับ 5 จุดหมายปลายทางใน ฮาวาย ที่คนท้องถิ่นชอบไป

เกาะ ฮาวาย คือสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก แล้วคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าชาวเกาะฮาวายเองเขาไปเที่ยวที่ไหนกัน? เพื่อตอบคำถามนี้ หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าเกาะฮาวายยังมีแหล่งธรรมชาติที่น่าสนใจนอกเหนือไปจากจุดท่องเที่ยวหลัก  นอกจากนั้นยังมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอาหารอร่อยอีกด้วย

แนะนำที่เที่ยวยอดฮิตของคนพื้นที่ใน ฮาวาย

  1. Maui

หากมาเยือนเมาอิ (Muai) ต้องไม่พลาดอุทยานแห่งชาติ Haleakala ที่นี่มีพื้นที่กว่า 30,000 เอเคอร์ โดยมีศูนย์กลางอยู่รอบภูเขาไฟ Haleakala ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และสัตว์ท้องถิ่นจำนวนหนึ่ง การเยี่ยมชม Haleakala ไม่เพียงแต่เป็นประสบการณ์อันน่าจดจำ ชาวท้องถิ่นมีความเชื่อทางด้านจิตวิญญาณเกี่ยวกับที่นี่ คำว่า Haleakala มีความหมายว่า “House of the Sun” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งนักบวชชั้นสูงโบราณมานั่งสมาธิและฝึกภูมิปัญญา นอกจากนั้นขอแนะนำให้แวะที่ตลาดการเกษตรกรในมะคะเวา (Makawao) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสินค้างานฝีมือ ที่นี่คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น งผลไม้เมืองร้อน น้ำผึ้ง อาหาร เสื้อผ้า และดอกไม้สด 

ฮาวาย
  1. Oahu

บนชายฝั่งโอฮาอู (Oahu) ลองเริ่มต้นที่การเดินทางที่ Makapu’u Point ซึ่งอยู่ห่างจากโฮโนลูลู เมืองหลวงของฮาวายไปทางตะวันออกเพียง 15 ไมล์ ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางวันเดียวแบบไปเช้าเย็นกลับ ด้วยเส้นทางและชายหาดมากมาย บ่อลาวา สายลมอันสดชื่น การโต้คลื่น และทิวทัศน์ชายฝั่งที่สวยงาม ดังนั้นคุณจึงสามารถทำกิจกรรมได้ตั้งแต่การปีนเขา ไปจนถึงการกระโดดชายหาด มักจะพบนักท่องเที่ยวจับกลุ่มเดินป่าไปตามเส้นทาง Makapu’u Point และนักเล่นกระดานโต้คลื่นที่หาด Makapu’u และหาด Sandy เวลาขับรถกลับยังมีคนขายอาหารพื้นเมืองอยู่ข้างทางเสมอ ไม่ว่าจะเป็น lau lau (อาหารพื้นเมืองฮาวายที่ทำจากบัตเตอร์ฟิชกับหมูห่อด้วยใบเผือก) และ malasadas (โดนัทโปรตุเกส)

  1. Kauai

เกาะคาไว (Kauai) เกือบ 97% ปกคลุมไปด้วยพื้นที่ป่าทำให้ที่นี่มีชื่อเล่นว่า “Garden Isle” ชายฝั่งทางใต้ของเกาะคาไวมีแสงแดดรำไรและเป็นที่นิยมในหมู่นักดำน้ำลึก หรือจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Baby Beach เป็นอ่าวทางตะวันตกของหาด Poipu คุณจะได้พบกับน้ำทะเลที่สงบและลึกเพียงข้อเท้า เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กทารกด้วย หรือหากอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากทะเล ลองเดินทางไป Salt Pond Beach Park ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใสมาก ทั้งยังมีบรรยากาศเงียบสงบ หากใครอยากย้อนขึ้นไปเหนือชายฝั่งคาไว  ควรไปเยี่ยมชม Waimea Canyon ซึ่งถูกขนานนามให้เป็นแกรนแคนยอนแห่งแปซิฟิก ที่นี่มีชั้นหินที่ก่อตัวเป็นสีสันงดงามมากๆ

ฮาวาย
  1. Lanai

ชาวฮาวายยกนิ้วให้เกาะลาไน (Lanai) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สะท้อนจิตวิญญาณของความ “อะโลฮ่า” ไม่ใช่เพียงความสวยงามเท่านั้น แต่เป็นเพราะผู้คนด้วย แม้ว่าลาไนจะเป็นเกาะที่เล็กที่สุดในฮาวาย แต่มีหลายสิ่งที่สะท้อนความเป็นฮาวายแบบดั้งเดิม เมื่อไปที่ลาไน เหมือนกับว่าคุณได้ย้อนเวลากลับไป ชีวิตดำเนินไปอย่างช้าลง ผู้คนมีความอบอุ่น สถานที่ทางโบราณคดี และวัฒนธรรมเช่น Kaunolu (หมู่บ้านชาวประมงโบราณ) ยังคงสภาพสมบูรณ์และทำให้คุณประหลาดใจกับทักษะของพวกเขา 

  1. Molokai

หากคุณชอบความเรียบง่าย คุณต้องรักเกาะโมโลไก (Molokai) เพราะที่นี่ยังคงรักษาความงามตามธรรมชาติเอาไว้  คุณจะได้พบกับชายหาดพร้อมหน้าผากลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ Kalaupapa ประชากรส่วนใหญ่ของเกาะโมโลไกเป็นชาวฮาวายพื้นเมือง และยังคงใช้ภาษาฮาวายในการติดต่อสื่อสาร ในฤดูหนาวคุณสามารถมองเห็นวาฬหลังค่อมผ่านไปมาได้ และบางครั้งก็ได้ยินเสียงของพวกมันดังก้องบนหน้าผาอีกด้วยทั้ง 5 สถานที่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ชาวท้องถิ่นฮาวายนิยมไปท่องเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น ยังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายในฮาวายที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้ออกไปค้นหา หาดทรายขาวทอดยาว ทะเลสีฟ้าใส พระอาทิตย์ตกดิน จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะอะไรคนส่วนใหญ่จึงหลงรักฮาวาย

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูล ที่เที่ยวทะเล หรือ 12 เกาะและชายหาดลับที่วิวสวยงามของ มาเลเซีย (ตอนที่ 1) อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

หลังจากที่ได้ไปเที่ยวยังสถานที่ขึ้นชื่ออย่างที่ฮาวายกันแล้ว หลายๆคนอาจจะต้องการผ่อนคลายกับการเดินทางอย่างการ เล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรี ที่พร้อมจะมาสร้างความบันเทิงให้ทุกคนได้อย่างง่ายๆ

12 เกาะและชายหาดลับที่วิวสวยงามของ ประเทศมาเลเซีย (ตอนที่ 2)

ประเทศมาเลเซีย เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้กับประเทศไทย ทั้งยังมีธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามไม่ซ้ำใครรอให้คุณไปค้นหา ทั้งเกาะและชายหาด (ลับ) ที่เรานำมาแนะนำนี้ล้วนเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจไม่รู้จัก แต่สำหรับคนท้องถิ่นแล้วเขาคอนเฟิร์มมาว่าสวยมาก ถ้ามีโอกาสอย่าลืมไปเยี่ยมชม รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน

แนะนำเกาะและชายหาด (ลับๆ) ใน ประเทศมาเลเซีย

  1. Tusan Beach (Sarawak)

อยากชมหาดทรายที่ไม่เหมือนใครในหากตูซาน (ซาราวัก) ที่นี่ไม่มีทางทำให้คุณผิดหวัง เพราะทรายของที่นี่เป็นสีอมส้มพร้อมด้วยทิวทัศน์ของผาหินที่แปลกตา มาถ่ายรูปบันทึกความทรงจำดีๆ จะได้บรรยากาศที่ไม่เหมือนใครแน่นอน ด้วยความที่ลักษณะทางธรณีวิทยาของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น คุณยังมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษ “Blue Tears” ของพวกสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในน้ำยามค่ำคืนซึ่งจะเรืองแสงเป็นสีฟ้างดงาม  น่าตื่นตาตื่นใจและหาดูยากมากๆ

ประเทศมาเลเซีย
  1. Kerachut Beach (Penang

หาดเคราคุต (ปีนัง) เป็นชายลับที่ซุกซ่อนไว้ท่ามกลางบรรยากาศเมืองเก่าของปีนัง หากคุณนึกถึงปีนังก็มักจะคุ้นภาพเมืองอาณานิคมและสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส หาดเคราคุตนี้ตั้งอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติปีนัง โดยสามารถเดินทางเข้ามาตามเส้นทางเดินป่าจากทางเข้าหลักของอุทยาน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถือเป็นรางวัลของนักเดินป่าอย่างแท้จริง เพียงคุณได้ชื่นชมหาดทรายขาดนุ่มและกลุ่มหินทรายสีเหลือท่ามกลางป่าเขา เพียงเท่านี้ก็เป็นภาพความทรงจำอันแสนคุ้มค่าแล้ว ที่นี่ยังมีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่า Pantai Kerachut ที่อยู่ใกล้เคียง สำหรับศึกษาเรื่องเต่าทะเลอีกด้วย

  1. Pangkor Island (Perak)

เกาะปังกอร์ (เประ) เป็นเกาะที่มีผู้เยี่ยมชมน้อยที่สุดแห่งหนึ่งในมาเลเซีย ทำให้ชายหาดที่นี่สะอาดปราศจากมลพิษ  อีกทั้งปะการังยังสวยมากๆ ซึ่งในช่วงหลังทางรัฐบาลมาเลเซียได้มีการสนับสนุนและผลักดันให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแห่งใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกบนเกาะมีเพียงเกสต์เฮาส์ คาเฟ่ และร้านอาหารสไตล์ท้องถิ่นที่มองเห็นวิวทะเล เดินทางได้ง่ายหากคุณเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์

  1. Moonlight Beach (Kelantan)

หาดคายาบุหลัน (Pantai Cahaya Bulan) แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะกลันตัน อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่า “หาดแสงจันทร์” เป็นหนึ่งในชายหาดลับที่สุดในมาเลเซีย กระทั่งชาวมาเลเซียเองก็เพิ่งรู้จักสถานที่นี้ไม่นานนัก คนในพื้นที่นิยมเดินทางมาทำกิจกรรมครอบครัวที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการทำบาร์บีคิวริมทะเล อาบแดด หรือเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ชมวิวที่งดงาม พร้อมสนุกกับกีฬาทางน้ำและขี่ม้า แต่ไฮไลท์คือการเล่นว่าวหลากสีซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวกลันตัน

ประเทศมาเลเซีย
  1. Tinggi Island (Johor)

เกาะทิงกิ (ยะโฮร์) เป็นเกาะเล็กๆ ที่เคยถูกเรียกว่า “หมวกนายพล” โดยพวกทหารเรือชาวจีน เนื่องจากระดับความสูงของเกาะและภูเขาไฟ ซึ่งอันที่จริงเป็นภูเขาไฟที่ดับ ตั้งอยู่ใจกลางด้วยความสูง 600 เมตร จากระดับน้ำทะเล ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินป่า นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบ น้ำตก ซึ่งควรค่าแก่การสำรวจอย่างยิ่ง

  1. Sandy Skull Beach (Langkawi)

เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่หาดแซนดี้สกัล (ลังกาวี) ที่นี่มีเรื่องที่น่าสนใจมากมาย หาดนี้มีอีกชื่อว่า Pasir Tengkorak  เป็นชายหาดที่มีน้ำใส มีพื้นที่พักผ่อนมากมาย อีกทั้งยังมีตำนานเรื่องเล่าชื่อเกี่ยวกับหัวกะโหลกจากเหยื่อเรืออับปางในบริเวณใกล้เคียง (บ้างเชื่อว่าเป็นเหยื่อของสัตว์ประหลาดทะเล) ได้ฟังบางส่วนแล้วก็นึกสนุกจนอยากออกผจญภัยเป็นโจรสลัดเลย แต่ขอเตือนว่าในปัจจุบันคุณจะไม่เห็นกะโหลกลอยมาตามน้ำแน่นอน

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูล ที่เที่ยวทะเล หรือ พาส่อง คาเฟ่ย่านประชาชื่น คาเฟ่ที่น่าไปเช็คอินมากๆ คนชอบเที่ยวคาเฟ่ห้ามพลาด อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

และอีกหนึ่งอย่างที่ทางเราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองเข้าไปศึกษาดูอย่าง gclub5555 แหล่งซ่องสุมของเหล่านักเดิมพันมืออาชีพ ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่นั้นดีจริงๆ

รวม 10 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ดูดาว ยอดนิยมทั่วโลก (ตอนที่ 2)

การได้ชื่นชมท้องฟ้ายามค่ำคืนหรือนอนใต้ดวงดาวอันพร่างพรายทั่วโลกถือเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวอันแสนวิเศษ ซึ่งแต่ละสถาน ที่ดูดาว ยอดนิยมก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปสำหรับนักท่องเที่ยว ถ้าหากคุณกำลังมองหาอีกหนึ่งเส้นทางการเดินทางอันน่าประทับใจ สถานที่ดูดาวยอดนิยมเหล่านี้อาจเป็นคำตอบสุดท้าย

รวม ที่ดูดาว ยอดฮิต บรรยากาศดีๆ

  1. Pic du Midi, ประเทศฝรั่งเศส

Pic du Midi ตั้งอยู่ในเทือกเขา Pyrénées ของประเทศฝรั่งเศส เป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์ของ NASA เคยใช้ในการถ่ายภาพพื้นผิวของดวงจันทร์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจ Apollo ดังนั้นเพียงเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นเสน่ห์ดึงดูดที่คุณควรไปเยือนสักครั้ง โดยคุณสามารถขึ้นรถเคเบิลจาก La Mongie ไปยังยอดเขาซึ่งมีหอดูดาวตั้งอยู่เหนือเมฆ นอกจากนี้เขตสงวนยังครอบคลุมทั้งแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (Pyrénées-Mont Perdu) และอุทยานแห่งชาติ และคุณยังสามารถจองที่พักค้างคืนที่นั่นเพื่อการนอนหลับใต้แสงดาว

ที่ดูดาว ยอดฮิต
  1. Kiruna, ประเทศสวีเดน

Kiruna ตั้งอยู่ทางเหนือของ Arctic Circle ไม่ไกลจากพรมแดนของประเทศสวีเดน ประเทศนอร์เวย์ และประเทศฟินแลนด์ ซึ่งไม่ไกลจาก Esrange Space Center หรือศูนย์อวกาศพลเรือนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หากคุณต้องการดื่มด่ำไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่นี่คือจุดหมายปลายทางในอุดมคติ ไม่เพียงแต่จะได้จ้องมองไปยังท้องฟ้าพร่างดาวเท่านั้น แต่คุณอาจโชคดีด้วยการได้พบแสงเหนือออโรร่าโบเรียลิสหลากสีอีกด้วย และแน่นอนว่ายังมีพัก Ice Hotel ที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน Jukkasjärvi ห่างจาก Kiruna เพียง 11 ไมล์ เพื่อสร้างความทรงจำการเยี่ยมชมดินแดนทางตอนเหนืออย่างแท้จริง

  1. New Mexico True Dark Skies, ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในนิวเม็กซิโกมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอวกาศของประเทศสหรัฐอเมริกามานาน เป็นที่ตั้งของ Dark Sky Parks ที่ซึ่งคุณจะได้เห็นทางช้างเผือก ดาวศุกร์ และดาวพุธ พร้อมกับกลุ่มดาวมากมาย เช่น กลุ่มดาวนายพราน, กลุ่มดาวคนคู่, กลุ่มดาววัว และจักรราศีอื่นๆ  บนเส้นทาง New Mexico True Dark Skies ยังสามารถนำคุณไปยังอนุสาวรีย์แห่งชาติ Capulin Volcano, Clayton Lake State Park, Chaco Culture National Historical Park, Salinas Pueblo Missions National Monument และ Cosmic Campground ซึ่งเคยเป็น International Dark Sky Sanctuary แห่งแรกในซีกโลกเหนือ หากอยากนั่งรถตามเส้นทางนี้ก็ไม่ควรพลาด

ที่ดูดาว ยอดฮิต
  1. La Fortuna, ประเทศคอสตาริกา

ตามปกติแล้วในพื้นที่ป่าเขตร้อน คงไม่ค่อยมีใครนึกถึงการดูดาว แต่สำหรับประเทศคอสตาริกาอาจทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิด เพราะมีตำแหน่งที่ตั้งใกล้เส้นศูนย์สูตร หมายความว่าสามารถชมกลุ่มดาวทั้งทางเหนือและทางใต้ อันที่จริงสถานที่นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งเหนือเส้นศูนย์สูตรซึ่งสามารถมองเห็นเมฆแมกเจลแลนได้ โดยดาราจักรนี้โคจรรอบกาแล็กซีทางช้างเผือก และได้รับการค้นพบครั้งแรกโดยนักสำรวจชื่ เฟอร์ดินานด์ มาเจลแลน และลูกเรือของเขาในระหว่างการเดินทางรอบโลกครั้งแรก เมื่อทศวรรษ 1520 แนะนำว่าควรมาชมดาวในช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนธันวาคม-เดือนเมษายน จะมีโอกาสได้เห็นมากที่สุด

  1. ลอสแองเจลิส, ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานที่ดูดาวยอดนิยม โดยคุณสามารถเดินทางไปยังฮอลลีวูด ซึ่งมีหอดูดาวกริฟฟิธตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่สนใจทางดาราศาสตร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปีด้วย คุณอาจเห็นดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ กลุ่มดาว และเนบิวลาต่างๆ ด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง และยังสามารถมองผิวของดวงจันทร์โดยละเอียด อย่าลืมตรวจดูรายงานท้องฟ้าก่อนออกเดินทางของหอดูดาว เพื่อเข้าถึงข้อมูลสิ่งที่มองเห็นได้ในท้องฟ้ายามค่ำตามฤดูนั้นๆ

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูล ที่เที่ยวทะเล หรือ แนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยว ดูดาว ยอดนิยมทั่วโลก (ตอนที่ 1) อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

แต่ด้วยสถานการการแพร่ระบาดของโควิดในขณะนี้ อาจจะทำให้เราไม่สามารถออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้ งั้นวันนี้เรามาศึกษา เทคนิคแทงบอลออนไลน์ กันก่อน เพื่อที่เราจะได้เก็บเงินให้พร้อมก่อนออกเดินทางกันเลย

แนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยว ดูดาว ยอดนิยมทั่วโลก (ตอนที่ 1)

ในการเดินทางมักมีแรงบันดาลใจเป็นตัวขับเคลื่อน การมองเห็นกลุ่มดาวและทางช้างเผือกเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของนักเดินทางซึ่งแสดงหาทุกประสบการณ์อย่างรอบด้าน ในการเดินทางไป ดูดาว ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญคุณจะต้องวางแผนการเดินทางอย่างดี สถานที่ต้องพร้อม เวลาต้องใช่ เพื่อจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนใคร สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของท้องฟ้ายามค่ำคืน เพราะหากมีมลภาวะรบกวนเพียงเล็กน้อยก็อาจคลาดไป ดังนั้นนี่คือ 10 สถานที่ที่ดีที่สุดในการดูดาวทั่วโลก กระทั่งมือสมัครเล่นก็สามารถมองดูฟ้าเปิดได้โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์มากมาย

แนะนำที่ท่องเที่ยว ดูดาว ที่กำลังฮอตฮิต

  1. ทะเลทรายอาตากามา, ประเทศชิลี

ทะเลทรายอาตากามา (Atacama) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศชิลี เป็นสถานที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก หากไม่นับรวมขั้วโลกเหนือและใต้ ที่นี่มีฝนตกเพียงไม่กี่มิลลิลิตรในแต่ละปี โดยพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดฝนตกน้อยกว่ามิลลิลิตร ดังนั้นสถานที่สุดแห้งแล้งนี้จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับการดูดาว ทั้งระดับความสูงของพื้นที่ซึ่งอยู่ในจุดสูงเมฆน้อย มีการรบกวนจากคลื่นวิทยุ หรือมลพิษทางแสงที่ใกล้เป็นศูนย์ ทัศนวิสัยของทะเลทรายอาตากามาช่วยให้มองเห็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดของท้องฟ้าซีกโลกใต้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงเนบิวลาทารันทูล่า กลุ่มดาราจักร Fornax  กลุ่มดาวกางเขนใต้ และกลุ่มแมกเจลแลนใหญ่ ซึ่งเป็นดาราจักรบริวารของทางช้างเผือก นักท่องเที่ยวดูดาวจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลมาที่นี่ ทำให้มีร้านอาหารท้องถิ่นมากมายคอยให้บริการ ทั้งบริษัทนำเที่ยว และโรงแรมท้องถิ่นบางแห่งยังเสนอประสบการณ์การดูดาวแบบส่วนตัวอีกด้วย

ดูดาว
  1. Natural Bridges National Monument, ประเทศสหรัฐอเมริกา

อนุสรณ์สถานแห่งชาติ Natural Bridges (Natural Bridges National Monument) ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบพาวเวลล์ ของรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ได้รับการรับรองจากสมาคมเขตอนุรักษ์ฟ้ามืดสากล (International Dark-Sky Association) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำที่ในการปกป้องมลภาวะทางแสงรบกวนทั่วโลกเพื่อการชมท้องฟ้ายามค่ำคืน  ให้การยอมรับอนุสรณ์สถานแห่งนี้ว่า “มีท้องฟ้าที่มืดมิดและชัดเจนที่สุดในโลก” และยอมรับถึง “ความพยายามในการอนุรักษ์ให้ความมืดเป็นทรัพยากรที่ควรค่าแก่การปกป้อง”

สถานที่ท่องเที่ยวหลักของปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่สามารถมองเห็นที่นี่คือ “แม่น้ำแห่งแสง” (River of Light) เกิดจากทางช้างเผือกซึ่งอยู่เหนือสะพานหิน Owachomo Bridge ซึ่งเป็นแนวหินธรรมชาติในพื้นที่ โดยคุณสามารถมองเห็นดวงดาวมหาศาลได้ด้วยตาเปล่า สามารถตั้งแคมป์ค้างคืนเพื่อชมดูได้อย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่นักท่องเที่ยวควรรู้คือที่นี่ห้ามถ่ายภาพ ทว่าเชื่อเถอะ! เพียงบันทึกความทรงจำด้วยสายตาก็นับว่าคุ้มค่าเป็นที่สุด

  1. Iriomote-Ishigaki National Park, ประเทศญี่ปุ่น

อุทยานแห่งชาติอิริโอโมเตะ-อิชิงากิ (Iriomote-Ishigaki National Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดโอกินาวาของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่สถานที่แรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการรับรอง International Dark Sky Places (IDSP) ซึ่งคุณสามารถเห็นกลุ่มดาวได้มากถึง 84 กลุ่มจาก 88 กลุ่มที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล อย่างไรก็ตามเงื่อนไขการรับชมในค่ำคืนจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศ ดังนั้นจึงควรเช็กประกาศทางเว็บไซต์ของอุทยานฯ

ดูดาว
  1. Kruger National Park, ประเทศแอฟริกาใต้

อุทยานแห่งชาติครูเกอร์ (Kruger National Park) เป็นเขตสงวนที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ โดยมีพื้นที่มากกว่า 7,500 ตารางไมล์ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่หวังว่าจะได้เห็น Big Five ที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นสิงโต เสือดาว แรด ช้าง และควายป่า รวมถึงการพักอย่างหรูหราในซาฟารีลอดจ์ระดับไฮเอนด์ อย่างไรก็ตามสถานที่ไร้มลพิษทางแสง ทำให้มีโอกาสในการชมท้องฟ้ายามค่ำคืนท่ามกลางทุ่งหญ้าสะวันนา ทั้งยังเหมาะสำหรับการฝึกกล้องส่องทางไกลบน Southern Cross  คุณจะได้เห็นกลุ่มราศีพิจิก และวงแหวนของดาวเสาร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ด้วยประการทั้งปวง

  1. เมานาเคอา, ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมานาเคอา (Mauna Kea) ตั้งอยู่ในเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา อาจนับได้ว่าเป็นจุดชมดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮาวาย ที่นี่มีหอดูดาวเมานาเคอาซึ่งเป็นหอดูดาววิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางทางดาราศาสตร์สำคัญซึ่งเป็นที่ตั้งของกล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุดในโลกถึง 13 แห่ง คุณจะสามารถเห็นสิ่งมหัศจรรย์บนท้องฟ้าของซีกโลกเหนือด้วยความชัดเจนอย่างยิ่ง รวมถึงทางช้างเผือก วงแหวนดาวพฤหัสบดี กลุ่มดาวหมีใหญ่ และกลุ่มดาวนายพราน เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมาก จึงสามารถมองเห็นดาวฤกษ์ในซีกโลกใต้ได้ประมาณ 80% จากที่นี่ 

(อ่านบทความต่อตอนที่ 2)

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูล ที่เที่ยวทะเล หรือ พาส่อง “คาเฟ่ย่านกรุงเก่า” บรรยากาศดีๆมีมุมถ่ายภาพเพียบ อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

หลังจากที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆที่สุดแสนจะโรแมนติกแล้วนั้น หากไม่รู้จะทำอะไรต่อดี เราขอแนะนำให้คุณมาร่วมเล่นเกมไปพร้อมๆกับเราใน bslot88 เกมที่จะมาสร้างความมั่งคั่งให้กับทุกคนอีกครั้ง

เที่ยวไปกับโครงการในพระราชดำริกับบ้านเล็กในป่าใหญ่ “ดอยฟ้าห่มปก”

อากาศหนาวๆ ช่วงต้นปีเช่นนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเมืองหนาวเพราะเป็นช่วงอากาศกำลังดีไม่ร้อนจนเกินไป แถมบางที่ก็ออกจะหนาวให้เราได้สัมผัสอากาศหนาว ได้ใส่เสื้อกันหนาว หมวกไหมพรม รวมถึงผ้าพันคอกันบ้าง และเป็นช่วงที่ดอกไม้พากันผลิบานและเหล่านกน้อยพากันขับขานส่งเสียงอันไพเราะ วันนี้เราจึงเดินทางขึ้นเหนือไปเที่ยวกันที่ ดอยฟ้าห่มปก (ดอยผ้าห่มปกเดิม) ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

ดอยฟ้าห่มปก

การเดินทางเพื่อไปท่องเที่ยว “ดอยฟ้าห่มปก”

สำหรับการเดินทางเราใช้รถยนต์ส่วนตัวขับขึ้นดอยฟ้าห่มปกกัน ส่วนนี้ทางก็เป็นทางขึ้นเขาขึ้นดอยถนนขับได้เพียงเลนละคัน แต่ไม่คดเคี้ยวจนน่ากลัว แถมสองข้างทางก็เป็นธรรมชาติให้เราได้ชื่นชมกัน เรียกว่าได้สัมผัสการบรรยากาศแห่งการท่องเที่ยวตั้งแต่การเดินทางขึ้นดอยฟ้าห่มปกกันเลยทีเดียว

และที่สำคัญคือไม่ต้องกลัวหลงกันเลยเพราะตลอดเส้นทางจะมีป้ายบอกทางไปยังดอยฟ้าห่มปกกันเป็นระยะๆ จากนั้นเมื่อถึงแล้วเราก็ไปติดต่อยังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกเพื่อติดต่อชำระค่าบำรุงต่างๆ สำหรับทริปนี้เป็นทริปแบบค้างคืนโดยเรามีเต้นท์สนามไปพร้อมกับอาหารค่ำพ่วงอาหารเช้าอย่างง่ายๆ ที่เตรียมขึ้นไปด้วย 

ดอยฟ้าห่มปก

ทางอุทยานก็มีลานเฉพาะสำหรับกางเต้นท์ อากาศบนดอยช่วงเดือนมกราคมค่อนข้างหนาวเป็นเลขหนึ่งปลายๆ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่หนาวกันมากสักหน่อยเพื่อนๆ ที่จะมากางเต้นท์ที่นี่ก็ควรเตรียมผ้าห่ม เสื้อกันหนาวและถุงเท้ากันมาด้วย สำหรับห้องน้ำและห้องอาบน้ำเป็นแบบแยกชาย – หญิง มีชักโครก สายฉีดครบครัน แถมด้วยน้ำฝักบัว แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น (ปกติอุทยานแห่งชาติที่เป็นห้องน้ำรวมห้องน้ำก็ไม่ค่อยมีเครื่องทำน้ำอุ่น

แต่หากเป็นบ้านพักในอุทยานแห่งชาติบางแห่งถึงจะมีเครื่องทำน้ำอุ่น) สำหรับช่วงมกราคมนี้ทางดอยฟ้าห่มปกก็มีดอกพญาเสือโคร่งชูช่อดอกบานสะพรั่งเปรียบดั่งซากุระเมืองไทยให้เราได้ร่วมชื่นชม นอกจากนี้ก็มีตำหนักที่ประทับให้เราได้ชื่นชมความวิจิตรจากภายนอกอาคาร และมีบ่อเลี้ยงปลาเทราต์ให้เหล่าเด็กๆ ได้ดูกัน รวมถึงมีร้านกาแฟให้เราได้นั่งพักจิบกาแฟร้อนๆ ท้าลมหนาวพร้อมๆ โดยร้านกาแฟแห่งนี้ก็มีผลิตภัณฑ์กาแฟ ชา จากดอยดังกล่าวให้เราได้ซื้อเป็นของขวัญของฝากกันด้วย

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูล ที่เที่ยวทะเล หรือ พาไปนมัสการ สักการะพระ กับที่เที่ยววัดสวยแห่ง เมืองภูเก็ต อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

หรือถ้าหากไปเที่ยวแล้วยังไม่สุขใจมากพอ ขอแนะนำ สล็อตฟาโรห์ ที่ได้รวบรวมเกมต่างๆเอาไว้เพื่อมาตอบโจทย์ให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ส่งท้ายปี 2020 นี้กับ “ที่เที่ยวปีใหม่” ที่สามารถไปได้ง่ายๆใกล้กรุงเทพฯ

กรุงเทพมีที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่เที่ยวปีใหม่ นี้ก็สามารถเที่ยวใกล้ๆได้ ไม่ต้องไปไหนไกล ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหน ลองนำบทความนี้ไปพิจารณาดู เพราะเราได้นำสถานที่ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ใกล้กรุงมาให้ท่านได้พิจารณากันแล้ว

“ที่เที่ยวปีใหม่” ใกล้กรุงเทพฯ ไปไหนได้บ้าง?

ที่เที่ยวปีใหม่

1. เขาแหลมหญ้า ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ระยองแค่นี้เอง มีที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้ฟินไปกับธรรมชาติ และท้องฟ้าสีคราม จุดน่าสนใจเมื่อมาถึงแล้วทุกคนต้องมาชักภาพกันกับหอคอยสีขาว และสะพานไม้ซึ่งเป็นสถานที่ชมวิวที่สวยที่สุด สามารถมองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา และสามารถมองเห็นเส้นสุดขอบฟ้าที่จรดนำน้ำในท้องทะเล ยิ่งตอนเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้นก็จะได้เห็นไปอีกแบบหนึ่ง เป็นสถานที่น่าประทับใจ และเดินทางไปมาสะดวก อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ มากนัก

ที่เที่ยวปีใหม่

2. บางกระเจ้า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นปอดของกรุงเทพ ที่จะช่วยฟอกมลพิษได้เป็นอย่างดี เพราะเต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ แถมอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ แค่พระประแดง สมุทรปราการนี่เอง เป็นที่ท่องเที่ยวที่น่าพักผ่อนอย่างมาก ยังสามารถด้วยการถีบจักรยานที่มี่ให้เช่าได้ในราคาเบา ๆ หรือท่านที่ชอบถ่ายภาพธรรมชาติ และยังมีตลาดและร้านอาหารที่คุณภาพและอาหารอร่อยใหเลือกรับประทานมากมาย เรียกได้ว่าถ้าได้ไปแล้วละก็จะมีกิจกรรมให้ทำตลอดทั่งวัน หากปีใหม่นี้ไม่รู้จะไปไหน ขอเชิญมาเที่ยวที่นี่รับรองไม่ผิวหวังอย่างแน่นอน

ที่เที่ยวปีใหม่

3. เกาะสีชัง ที่ท่องเที่ยววันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ไปเที่ยวทะเลก็ดีเหมือนกัน ได้รับลมเย็น ๆ อากาศดี ทะเลสวย ที่นี่เลยเกาะสีชัง อยู่ใกล้แค่นี้ ไปเที่ยวย้อนเวลากันสักหน่อย ซึ่งยังมีความเป็นท้องถิ่นดั่งเดิมให้ได้เห็น มีสะพานอัษฎางค์ซึ่งเป็นสะพานที่มีอายุยืนยาวที่สุดมีผู้มาเยือนและถ่ายภาพกันมาก เนื่องจากมีความเชื่อว่าถ้าได้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากับคู่รักหรือคนที่รู้ใจจะทำให้ความรักยืนยาวไปอีกนาน นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่แล้ว ยังมีความเชื่อแล้วที่นี่ยังมีบรรยากาศที่โรแมนติกอีกต่างหาก

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูลที่เที่ยวทะเล หรือ เช็คอิน! วัดขัวแคร่ วัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในตัวเมืองเชียงราย อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

“เกาะสุรินทร์” ชื่อนี้ที่มีแต่ความสวยงามชวนให้เราเข้าไปค้นหา

อาจจะพูดว่าทะเลนั้นมีแต่ความสวยงามเราขอบอกเลยว่าเป็นความจริงอย่างมาก ซึ่งคุณสามารถที่จะดูได้จาก เกาะสุรินทร์ เพราะเหตุที่เกาะสุรินทร์นี้เป็นเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติ ฉะนั้น เมื่อเกาะอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติแล้ว แน่นอนว่าความสมบูรณ์ต่างๆของธรรมชาติมีความพร้อมอย่างมากและเมื่อนักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสที่เกาะสุรินทร์แล้ว เราต้องขอบอกเลยว่าคุณจะต้องเต็มอิ่มกับความสวยงามที่นี่อย่างแน่นอนซึ่งความสวยงามของที่นี่จะมีอะไรบ้างนั้นเราจะได้กล่าวกัน ดังต่อไปนี้

เกาะสุรินทร์

แนะนำที่เที่ยวใน “เกาะสุรินทร์”

เริ่มจากอ่าวจาก ถือได้ว่าเป็นอ่าวหนึ่งของเกาะสุรินทร์ แต่เป็นอ่าวที่อยู่ทางด้านตอนเหนือ ซึ่งเป็นอ่าวหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปพบปะการังเขากวางได้ นอกจากปะการังเขากวางแล้วยังมีปะการังกิ่ง ปะการังพุ่มอีกด้วยที่จะทำให้คุณได้ไปพบกับปะการังเหล่านี้ แต่สิ่งที่จะนำพาให้คุณไปพบกับกับปะการังเหล่านี้ได้คุณก็ต้องทำกิจกรรมดำน้ำ

และไม่เพียงแต่เฉพาะอ่าวจากเท่านั้น ยังมีเกาะไข่หรือที่เรียกว่าเกาะตอรินลา อีกด้วย แต่เกาะนี้เป็นเกาะที่อยู่ทางทิศใต้ของเกาะสุรินทร์ ซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนอาจจะคิดว่าเป็นเกาะที่ไม่น่าจะมีความสวยงามเท่ากับอ่าวจาก แต่เราขอบอกเลยว่าความสวยงามนั้นก็ไม่แพ้กันเพราะมีปะการังอยู่เป็นจำนวนมากนอกจากประการังแล้วก็ยังมีปลาที่มีความแปลกและสวยงามหรือแม้แต่ปลาดาวก็มีให้นักท่องเที่ยวได้ชมเช่นเดียวกัน

เกาะสุรินทร์

ถัดมาเราจะให้คุณได้ไปชมความแปลกของกองหินซึ่งเป็นกองหินที่อยู่ในช่วงของกลางทะเลทางด้านทิศตะวันออกของหมู่เกาะสุรินทร์ซึ่งเป็นกองหินที่เรียกว่ากองหินริเซลิว กองหินในจุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะมาดำน้ำได้และเป็นจุดดำน้ำที่ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าจุดดำน้ำที่อื่นๆของเกาะสุรินทร์อีกด้วย

ฉะนั้น การท่องเที่ยวใดๆก็แล้วแต่ที่เป็นการท่องเที่ยวทางทะเล หากคุณได้มาที่เกาะสิมิลันด้วยตัวเองแล้วคุณก็จะได้พบว่า เกาะสุรินทร์นี้มีความสวยงามที่มีความแตกต่างกันแต่ในความแตกต่างนั้นคุณก็สามารถที่จะได้รับรู้ถึงสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ได้อย่างใกล้ชิด

หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูลที่เที่ยวทะเล หรือชวนทุกคนมานอนรับลมหนาวที่ “ดอยสะโง้” จังหวัดเชียงราย อย่าลืมติดตามได้เพิ่มเติมอีกที่ somewhere-in-the-middle.com

Back To Top